ค่ามาร์จิ้นในการเทรดฟอเร็กซ์

การเทรดในสภาพแวดล้อมของระบบเลเวอเรจ ค่ามาร์จิ้นในการเทรดคือวงเงินที่โบรกเกอร์เรียกเก็บไว้เป็นทุนประกัน ทำให้เทรดเดอร์สามารถเปิดออเดอร์และคงสถานะของออเดอร์ไว้


หากเทรดเดอร์เลือกใช้เลเวอเรจสูง วงเงินประกันที่ใช้ในการเปิดออเดอร์จะมีการเรียกเก็บน้อยลง


7bc373_f98565ad565e4c5e936cdf783f4d8d9c~mv2.webp

จากภาพหากเทรดเดอร์ไม่ได้ใช้เลเวอเรจ และต้องการซื้อ EURUSD ด้วยขนาด 1 lot เทรดเดอร์จะต้องวางเงินประกันตามขนาด lot ของบัญชี Standard ก็คือ 100000 EUR



7bc373_3650158444f942eab989fc602ef3fdf0~mv2.webp

หากเทรดเดอร์ต้องการซื้อ 1 lot EURUSD โดยใช้เลเวอเรจ 1 : 100 จะใช้ทุนประกัน 1000 EUR


หากเทรดเดอร์มีทุนในบัญชีขนาด 10000 EUR เทรดเดอร์จะไม่สามารถเปิดคำสั่งซื้อขายด้วยขนาด 1 lot ได้ แต่จะสามารถทำได้เมื่อใช้เลเวอเรจขนาด 1:100 โดยที่เมื่อสั่งเปิดคำสั่งซื้อขาย วงเงินจำนวน 1000 EUR จะถูกหักออกจาก Equity กลายเป็นส่วนของ Used Margin ดังแสดงใน MT4


ตัวอย่างบัญชีเทรดที่มีทุน 10000 EUR

7bc373_30a1dca16a4c4dd1a23a8f662d279662~mv2.webp

เมื่อเทรดเดอร์เปิดคำสั่งเทรด 1 lot ระบบ MT4 จะกันเงินจาก Equity นำมาเป็นมาร์จิ้น (Margin) 1000 EUR ทำให้ Free Margin ลดลงเหลือ 9000 EUR


7bc373_361d24ff93eb45e9b5547d38f3f1ea88~mv2.webp

*หากบัญชีเทรดเป็นบัญชีที่มีการคิดค่าคอมมิชชั่นเทรด ระบบจะหักค่าคอมมิชชั่นเทรดเมื่อเปิดคำสั่งเทรดทันที ดังแสดงในรูปที่คอมมิชชั่นเทรดคือ -4.00


ทำไมเราจึงต้องสนใจค่ามาร์จิ้น


จะเห็นได้ว่า เมื่อเทรดเดอร์เปิดคำสั่งซื้อขาย ค่ามาร์จิ้นจะถูกหักจาก Equity ไปเรื่อยๆ และเมื่อค่า Equity คงเหลือที่ระดับต่ำ แต่เทรดเดอร์ยังคงต้องการสั่งเปิดคำสั่งซื้อขายเพิ่ม ในเวลานี้ MT4 จะไม่อนุญาตให้มีการเปิดคำสั่งซื้อขายเพิ่มอีกเนื่องจากคำสั่งซื้อขายล่าสุดนั้นใช้มาร์จิ้นสูงกว่าเงินทุนที่เหลืออยู่


และสิ่งที่จะเกิดขึ้น เมื่อระดับ Equity ในพอร์ตการลงทุนลดลงจนอยู่ในระดับต่ำ ไม่ใช่เพียงแค่เทรดเดอร์จะเปิดคำสั่งซื้อขายเพิ่มอีกไม่ได้ แต่สิ่งที่เจ็บปวดยิ่งกว่าคือ เมื่อระดับ Equity ลดลงจนต่ำกว่า 30% ของ Margin used ระบบ MT4 จะเริ่มสั่งปิดคำสั่งซื้อขายที่เปิดอยู่ของเทรดเดอร์ ทีละคำสั่งไล่จากคำสั่งที่มีการขาดทุนมากที่สุดไปเรื่อยๆจนระดับ Equity คงเหลือกลับมาอยู่ในระดับที่สูงกว่า 30% ของ Margin used ซึ่งจุดนี้ก็คือจุดที่เรียกว่า Stop out หรือระดับของการล้างพอร์ตที่เทรดเดอร์ทุกคนต่างพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพบเหตุการณ์นี้


เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะตระหนักถึงความสำคัญของขนาดของ Margin used เนื่องจาก หากการเทรดใช้ขนาดของมาร์จิ้นที่มีขนาดใหญ่ จำนวนหลายคำสั่งซื้อขาย ขนาดของ Equity จะลดลงอย่างรวดเร็ว และทำให้พอร์ตการลุนอยู่ในความเสี่ยงสูง


ตราสารที่ต่างกันทำให้มาร์จิ้นต่างกัน

นอกจากค่าเลเวอเรจ ที่จะมีผลต่อขนาดของวงเงินประกัน (หรือมาร์จิ้น)ที่ระบบต้องการเพื่อเปิดคำสั่งซื้อขาย อีกปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อขนาดมาร์จิ้นก็คือ ประเภทของตราสาร



7bc373_4789848d7e144f59a4c501b9757f9151~mv2.webp

จากรูปจะเห็นว่า สำหรับเลเวอเรจ 1:100 ขนาดเงินประกันที่ต้องการของการเปิดคำสั่งเทรด EURCHF จะมีขนาดถึง 50000 EUR ในขณะที่การเปิดคำสั่งเทรด EURUSD จะใช้เพียง 1000 EUR ในการเปิดคำสั่งซื้อขายที่มีขนาด 1 lot เท่ากัน


ทำไมตราสารที่ต่างกันถึงต้องการระดับวงเงินประกันที่แตกต่างกัน

มีหลายเหตุผลที่สามารถใช้ตอบได้สำหรับคำถามนี้ ประเด็นหนึ่งที่สำคัญก็คือลักษณะปัจจัยพื้นฐานของสกุลเงินนั้นๆ หากสกุลเงินใดที่มีลักษณะของความผันผวนสูง อันเนื่องจากปัจจัยทางการเมือง เศรษฐกิจ หรือเหตุการณ์ต่างๆที่อาจมีผลกระทบกับมูลค่าของสกุลเงินอย่างรุนแรง การถือครองสกุลเงินดังกล่าวจะมีความเสี่ยงสูง เมื่อมีความเสี่ยงสูง สิ่งที่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดจะทำก็คือการป้องกันความเสี่ยงเมื่อจำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับสินค้านั้นๆ โดยการเพิ่มระดับของวงเงินประกัน หรือลดการให้เลเวอเรจสำหรับสินค้านั้นๆ ซึ่งจะทำให้เทรดเดอร์ที่ต้องการเทรดสินค้าดังกล่าวต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงในแง่ของวงเงินมาร์จิ้น เมื่อเทรดเดอร์ต้องการที่จะเทรดตราสารดังกล่าวก่อนทำการเทรดเสมอ


วางแผนและคำนวณก่อนการเทรด

สิ่งที่เทรดเดอร์ควรทำก่อนเทรด คือการวางแผนว่าจะเทรดตราสารใดบ้าง ขนาดของทุนที่จะลงทุน และระดับเลเวอเรจ จากนั้นคำนวณว่าด้วยทุนกับสภาพแวดล้อมดังกล่าว จะเปิดคำสั่งซื้อขายด้วยขนาด lot ใดบ้างสำหรับแต่ละตราสาร เพื่อให้ทราบว่ามาร์จิ้นรวมจะใช้ประมาณเท่าใด เมื่อทราบระดับของมาร์จิ้นที่จะต้องใช้ ก็จะสามารถประมาณได้ว่าวงเงิน Equity ของเทรดเดอร์จะเหลือสำหรับการรองรับการวิ่งของราคาที่ตรงข้ามกับการเทรดได้เพียงใด

ซึ่งจะนำไปสู่หัวข้อที่เทรดเดอร์ควรทราบอีกข้อคือค่า pip value ที่จะนำไปคำนวณระดับของการสูญเสียเมื่อราคาไปในทิศตรงกันข้ามกับที่ทำการเทรด

ตรวจสอบระดับมาร์จิ้นในสภาพแวดล้อมของบัญชีเทรดของคุณได้ที่ https://www.tickmill.com/th/tools/forex-calculator...